H&M มุ่งเป้าแบรนด์ที่แข็งแกร่งในธุรกิจ CIrcular

อื่นๆ
05/04/2566     |     อ่าน : 1009 ครั้ง

ยักษ์ใหญ่ fast fashion ของสวีเดนมีผลกำไรในไตรมาสแรกเกินคาด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Sellpy แพลตฟอร์มขายต่อ
 

ยักษ์ใหญ่ fast fashion ของสวีเดนมีผลกำไรในไตรมาสแรกเกินคาด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Sellpy แพลตฟอร์มขายต่อ
 

รูปภาพ : แพลตฟอร์มแฟชั่นเศรษฐกิจหมุนเวียน อย่าง “Sellpy”

ไตรมาสที่ผ่านมา (ธ.ค. 2022 - ก.พ. 2023) ผลกำไร ของ H&M Groupเพิ่มขึ้นเกิดคาด เกิดจากแพลตฟอร์มขายต่อ ยักษ์ใหญ fast fashion สัญชาติสวีเดนกล่าวว่าผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นเกือบ 60% YoY สู่ระดับ 725 ล้านโครนสวีเดน (70 ล้านดอลลาร์) ในช่วงสามเดือนจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยได้แรงหนุนจากความพยายามในการลดต้นทุนและกำไรที่เกิดจากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในแพลตฟอร์มแฟชั่นมือสอง Sellpy                                                             

ขณะนี้ H&M Group ถือหุ้น Sellpy เกือบ 80% ซึ่งคาดว่าจะสร้างยอดขายได้มากกว่า 1 พันล้านโครนสวีเดนในปีนี้ และขณะนี้ใกล้ถึงจุดคุ้มทุนแล้ว แสดงให้เห็นโอกาสที่บริษัทมีตั้งเป้าอย่างท้าทายว่าจะเพิ่มยอดขายเป็นสองเท่าในขณะที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งภายในสิ้นทศวรรษนี้ได้อย่างไร 

หาก Sellpy เป็นไปตามประมาณการรายได้ของ H&M ในปีนี้ บริษัทจะยังคงคิดเป็นสัดส่วนเล็กน้อยของธุรกิจโดยรวมของกลุ่ม ซึ่งคิดเป็นประมาณครึ่งเปอร์เซ็นต์ของยอดขาย บริษัทจะต้องขยายขนาดโครงการนี้และโครงการอื่นๆ อย่างรวดเร็วและสร้างผลกำไรเพื่อตอบสนองความท้าทายทางธุรกิจและปัญหาสภาพอากาศ ในขณะที่ต้องแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Inditex เจ้าของ Zara และผู้นำ fast fashion รายอื่นๆ เช่น Shein และTemu                                                                        

“Sellpy เป็นตัวอย่างที่ดีว่าเรามีการพัฒนารูปแบบธุรกิจแบบหมุนเวียนใหม่อย่างไร และวิธีการลงทุนอย่างไรในด้านความยั่งยืน ทำให้ H&M Group มีโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว” Helena Helmersson ผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มกล่าว “เรามีจุดแข็งในธุรกิจที่ผสมผสานแฟชั่น ราคา คุณภาพ และความยั่งยืนเข้าด้วยกัน” 

H&M มียอดขายเพิ่มขึ้น 3 % ในไตรมาสแรก อัตรากำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มอยู่ที่ 1.3% ซึ่งยังห่างจากเป้าหมาย 10% ที่บริษัทตั้งไว้ในปีหน้า ถึงกระนั้นราคาหุ้นก็พุ่งขึ้นราว 16% เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนรับทราบถึงความคืบหน้าที่บริษัทกล่าวว่ากำลังดำเนินโครงการลดต้นทุน 

ปีที่แล้ว ยอดขายของ H&M เพิ่มขึ้น 6 % ในขณะที่การปล่อยมลพิษในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทลดลง 3 % ซึ่งเกิดจากการจัดการสินค้าคงคลังที่ดีขึ้น การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การเพิ่มพลังงานหมุนเวียนและปริมาณวัสดุรีไซเคิล ล้วนช่วยผลักดันให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนลดลง 

H&M ใช้เงินประมาณ 2.6 พันล้านโครนสวีเดนในโครงการลดคาร์บอนในปี 2565 ภายในปี 2568 บริษัทได้กล่าวว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของวัสดุที่ใช้ในเสื้อผ้าจะถูกรีไซเคิล (เพิ่มขึ้นจาก 23 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน) และภายในปี 2573 ผู้ผลิตทุกรายจะดำเนินการ เกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียน มีการลงทุนในนวัตกรรมและรูปแบบธุรกิจหลายสิบรายการโดยมีจุดประสงค์เพื่อผลักดันกลุ่มให้บรรลุเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ 

เช่นเดียวกันกับธุรกิจใหม่ Sellpy กิจการใหม่ของบริษัทจะสามารถทำกำไรและขยายขนาดได้ภายในสิ้นทศวรรษนี้หรือไม่ ยังคงเป็นคำถามเปิดที่ต้องพึ่งพาการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบที่เปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและเปลี่ยนตลาดเช่นเดียวกับที่กลุ่มกำลังทำอยู่ 

ความมุ่งมั่นอันโดดเด่นของกลุ่มในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจเป็นหนึ่งในความท้าทายมากที่สุดของวงการแฟชั่นและถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดด้วยเช่นกัน บริษัทได้สรุปความเสี่ยงทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศจำนวนมากไว้ในรายงานประจำปีล่าสุด ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงวัตถุดิบ เช่น ฝ้าย ผลกระทบของสภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้ต่อยอดขาย ความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง และต้นทุนที่สูงขึ้น อ่านได้ที่ https://hmgroup.com/news/h-m-hennes-mauritz-ab-full-year-report-15/  


ที่มา:
The Business of Fashion


ดาวน์โหลด H-M-Hennes-Mauritz-AB-Full-year-report-2022.pdf

ข่าวสารความเคลื่อนไหว
เครือข่าย IWIN เปิดตัวโครงการ Circular Upholstery Textile เป้าหมายเพื่อเปลี่ยนเส้นทางของเสียจากหลุมฝังกลบกลับมาใช้ใหม่และการรีไซเคิล
Le Casino เปลี่ยนขยะเป็นโอกาสกับเส้นทางเดินของรองเท้ารักษ์โลก
ญี่ปุ่นตั้งเป้าขยายธุรกิจเศรษฐกิจหมุนเวียน
ยุทธศาสตร์ใหม่ของสหภาพยุโรปสำหรับสิ่งทอที่ยั่งยืนและสิ่งทอหมุนเวียน
COP27 เริ่มแล้ว ประเด็นร้อนการหารือเรื่องการให้ชาติร่ำรวยต้องชดเชยให้กับชาติยากจนที่ได้รับผลกระทบจากโลกร้อน
Marimekko นำร่องโครงการ Closed Loop โดยใช้วัสดุเหลือใช้
นวัตกรรมเส้นใยจากใบอ้อยสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบเหลือใช้ทางการเกษตรสู่ผลิตภัณฑ์แฟชั่นจากธรรมชาติ